จดทะเบียนรับรองบุตร
ตามหลักกฎหมายแล้ว บุตรที่เกิดโดยบิดามารดาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ถือว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของมารดาเพียงฝ่ายเดียว แต่กฎหมายเปิดโอกาสให้ชายจดทะเบียนรับรองบุตรได้ และถือเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายชาย นับแต่วันจดทะเบียนหรือโดยบิดามารดาได้จดทะเบียนสมรสกันภายหลัง หรือโดยคำพิพากษาของศาลให้เด็กนั้นเป็นบุตรของชายผู้เป็นบิดา
โดยการจดทะเบียนรับรองบุตรนั้น สามารถทำได้ด้วย 2 วิธี คือ ทั้งการรับรองบุตรด้วยความสมัครใจของชายผู้เป็นบิดาและโดยคำพิพากษาของศาล
สารบัญ
1.จดทะเบียนรับรองบุตร ด้วยความสมัครใจของชายผู้เป็นบิดา
อ้างอิง มาตรา 1547 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่า เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลังหรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร
1.1 หลักเกณฑ์
บิดามารดาและบุตรต้องไปที่สำนักงานเขตหรืออำเภอกิ่งอำเภอหรือสถานทูตสถานกงสุลไทยในต่างประเทศแห่งใดก็ได้ ถ้ามารดาและบุตรไม่ไปด้วยนายทะเบียนจะมีหนังสือแจ้งไปยังฝ่ายที่ไม่มา เพื่อให้มาให้ความยินยอมหรือคัดค้านการจดทะเบียน ถ้าพ้น 60 วันนับแต่การแจ้งของนายทะเบียนไปถึงถือว่าไม่ให้ความยินยอม (ถ้ามารดาและบุตรอยู่ต่างประเทศจะขยายเวลาเป็น 180 วัน)
ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดา หรือไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล
1.2 หลักฐานที่ต้องนำไปแสดง
1 บัตรประจำตัวของบิดามารดา
2 สูติบัตรของบุตร
3 สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
1.3 ค่าธรรมเนียม
หากดำเนินการภายในสำนักทะเบียนจะไม่ถูกเก็บค่าธรรมเนียม แต่หากนอกสำนักทะเบียนรายละ 200 บาทไทย
1.4 สถานที่ติดต่อ
ฝ่ายทะเบียนสำนักงานเขตทุกเขต หรืออำเภอกิ่งอำเภอ หรือสถานทูตสถานกงสุลไทยในต่างประเทศแห่งหนึ่งแห่งใดก็ได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงภูมิลำเนาของบิดามารดาหรือบุตร
1.5 ขั้นตอนในการติดต่อขอจดทะเบียนการรับรองบุตร
1 บิดาต้องยื่นคำร้องตามแบบของทางราชการ
2 บุตรหรือมารดาลงชื่อให้ความยินยอมที่ด้านหลังคำร้อง
ทั้งนี้ หากถ้าบุตรหรือมารดาไม่ให้ความยินยอมหรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ เช่น เด็กเป็นผู้เยาว์ไร้เดียงสา มารดาเด็กถึงแก่กรรม การทะเบียนรับรองบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล
2. การรับรองบุตรโดยคำพิพากษาของศาล
อ้างอิง มาตรา 1547 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่า เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลังหรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตร หรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร
2.1 หลักเกณฑ์
บิดามารดาหรือบุตรผู้มีส่วนได้ส่วนเสียฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหากประสงค์จะให้มีการรับรองบุตรแต่ไม่สามารถดำเนินการโดยความยินยอมของทุกฝ่ายได้ จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาให้มีการรับรองบุตรได้
2.2 หลักฐานที่ต้องนำไปแสดง
บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ร้องหรือผู้มีส่วนได้เสีย
สำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลอันถึงที่สุดซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลรับรองว่าถูกต้อง
2.3 ค่าธรรมเนียม
การรับรองบุตรโดยคำพิพากษาของศาลไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ
2.4 สถานที่ติดต่อ
ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตทุกเขต หรืออำเภอกิ่งอำเภอ หรือสถานทูตสถานกงสุลไทยในต่างประเทศแห่งใดก็ได้
2.5 ขั้นตอนในการติดต่อขอจดทะเบียนการรับรองบุตรโดยคำพิพากษาของศาล
ผู้ร้องหรือผู้มีส่วนได้เสีย ยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนพร้อมด้วยหลักฐานที่ต้องนำไปแสดง นายทะเบียนตรวจสอบเอกสารหลักฐานเมื่อเห็นว่าถูกต้องครบถ้วนแล้วก็จะจดทะเบียนรับรองบุตรให้ตามคำร้อง
ข้อควรทราบกับการ จดทะเบียนรับรองบุตร
การจดทะเบียนรับรองบุตรสามารถกระทำได้ 2 วิธีได้แก่ การจดทะเบียนรับรองบุตรในสำนักทะเบียนและ การจดทะเบียนรับรองบุตรนอกสำนักทะเบียน (โดยการจดทะเบียนรับรองบุตรนอกสำนักทะเบียนต้องเสียค่าธรรมเนียมรายละ 200 บาท)
ซึ่ง การจดทะเบียนรับรองบุตรไม่มีใบสำคัญออกให้ถ้าต้องการหลักฐานก็ให้ยื่นคำร้องขอคัดสำเนาการรับรองบุตรโดยเสียค่าธรรมเนียมฉบับละ 10 บาท
ประโยชน์ของการจดทะเบียนรับรองบุตร
1.เด็กมีสิทธิ์ใช้ชื่อสกุลรับมรดกของบิดา
2. ข้าราชการมีสิทธิ์ได้รับเงินค่าช่วยเหลือต่างๆของบุตร
3. บิดามีสิทธิ์ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการให้ทนายความดำเนินการเกี่ยวกับการ จดทะเบียนรับรองบุตร ติดต่อเรา