NPL คือ อะไร? NPL คืออะไร (Non -Performing Loan) หรือ ห […]

NPL คือ อะไร?

NPL คืออะไร (Non -Performing Loan) หรือ หนี้เสีย คือ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ หนี้เสีย เกิดจากการที่สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้คนกู้ แล้วคนกู้ไม่สามารถชำระเงินต้น และดอกเบี้ยได้ ซึ่งติดต่อกันนานเป็นเวลา 3 เดือน  ซึ่งสิ่งนี้เอง จะทำให้สถาบันการเงินมองว่า เป็นหนี้เสียหรือNPL ทันที ทำให้ผู้ขอสินเชื่อติดสถานะ NPL และไม่มีความน่าเชื่อถือทางด้านการเงิน 

ดังนั้น ไม่ว่าจะขอสินเชื่ออะไรซักอย่าง ทางสถาบันการเงินต้องทำการตรวจสอบประวัติทางการเงินของเรารอบด้าน เพื่อป้องกันปัญหาหนี้เสียที่จะตามมา เขาจะตรวจสอบประวัติทางการเงินของเราจาก รายได้ต่อเดือน, พฤติกรรมการใช้จ่าย, หลักประกันทางการเงินจากเครดิตบูโร (NCB) ที่เป็นศูนย์ข้อมูลเครดิตที่รวมข้อมูลทางการเงินจากสถาบันการเงินทั้งหมด

แต่ทั้งนี้ หนี้เสีย ไม่เหมือนกับ เครดิตบูรโร

หนี้เสียหรือ NPL คือ ตัวเลขที่บอกว่าหนี้เสียของธนาคารมีอยู่เท่าไหร่ และเป็นหนึ่งในต้นทุนของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้นเมื่อธุรกิจหลักธนาคารคือการปล่อยสินเชื่อ ธนาคารจึงต้องการแข่งขันกันให้สินเชื่อคนที่ความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น ลูกค้ารายได้สูงเพราะมีความเสี่ยงที่จะค้างชำระน้อยกว่าคนรายได้น้อย 

/ ส่วนเครดิตบูโรเป็นเพียงฐานข้อมูลเท่านั้น เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าต่างหากและยังเป็นส่วนสำคัญว่าธนาคารจะปล่อยกู้หรือไม่

NPL มีความสำคัญอย่างไรกับเรา

เนื่องด้วยประวัติทางการเงินของเรามีความสำคัญมากในการขออนุมัติสินเชื่อ ทางที่ดีเราไม่ควรมีประวัติเสียทางการเงิน ถ้าเรามีเหตุจำเป็นที่ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเวลาที่กำหนดจริงๆ ควรจะเลือกเจรจา กับทางธนาคาร เพื่อขอต่อรอง หรือรีไฟแนนซ์ อย่างตรงไปตรงมา เพื่อเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระ กรณีเป็นสินเชื่อบ้านหรือรถยนต์ ซึ่งวิธีนี้ดีกว่าปล่อยให้เรามีประวัติติดNPL

NPL มีผลต่อการทำธุรกรรม

NPLและNPA เหมือนกันหรือไม่?

หลายคนคงสงสัยว่าเจ้า NPL ใช่อันเดียวกับ NPA หรือไม่ ต้องบอกว่า NPA และNPL มีความคล้ายกันและมีความเกี่ยวข้องกัน โดย NPL (Non Performing Loan) คือสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ จากการที่ลูกหนี้ไม่สามารถเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ธนาคาร ค้างชำระเป็นเวลามากกว่า 3 เดือน หรือความหมายอีกอย่างของNPL ก็คือ หนี้เสีย อาจจะกล่าวได้ว่าทรัพย์สิน NPA มาจากNPL นั่นเอง เลือกอ่านบทความเกี่ยวกับ NPA เพิ่มเติมได้ ที่นี่

แล้วหากเป็นลูกหนี้กลุ่ม NPL คือ ทำอะไรได้บ้าง

คำตอบที่สำนักงานกฎหมายอย่างเราแนะนำคือคือ “การเลือกปรับโครงสร้างหนี้” เพราะการปรับโครงสร้างหนี้เสียหรือNPL นี้เองมีเป้าหมายหลักคือ เพื่อเป็นการลดหนี้ที่ต้องชำระในแต่ละเดือนให้ถูกลง ไม่ก็ยืดระยะเวลาในการผ่อนผันให้นานออกไป หรืออาจพักชำระเงินต้น ทั้งอาจ ลดอัตราดอกเบี้ย ยกหรือผ่อนปรนดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ เปลี่ยนประเภทหนี้ หรือ รีไฟแนนซ์ในการต่อไป

โดยเงื่อนไขการเจรจากับเจ้าหนี้ เราสามารถแนะนำให้โดยแบ่งออกเป็นแนวหลักๆได้ดังนี้

ยืดระยะเวลา : คือ การยืดหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ถือเป็นวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ที่ใช้มากที่สุดวิธีหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้ภาระการผ่อนชำระสอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง

พักชำระเงินต้น : คือ ค่างวดที่ผ่อนชำระ โดยปกติประกอบด้วย 2 ส่วน คือ เงินต้น กับดอกเบี้ย ดังนั้น เพื่อลดภาระ อีกวิธีที่นิยมทำ คือ การพักชำระเงินต้น

ลดอัตราดอกเบี้ย : คือ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ถือเป็นอีกรูปแบบของการปรับโครงสร้างหนี้ที่ทำกันอย่างแพร่หลาย เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลง หมายถึงส่วนที่จะไปตัดลดเงินต้นจะมีมากขึ้น และเมื่อเงินต้นลด ภาระดอกเบี้ยก็จะลดลง

ยกหรือผ่อนปรนดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ : คือ การปรับวิธีการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งให้ สง.คิดดอกเบี้ยปรับบนฐานของงวดที่ผิดนัดชำระจริงเท่านั้น ซึ่งเป็นธรรมและลดภาระหนี้สูงที่ขึ้นเกินความเป็นจริง จนลูกหนี้ชำระไม่ได้ทำให้กลายเป็นหนี้เสียในเวลาต่อมาได้

เปลี่ยนประเภทหนี้ : คือ หนี้ที่อัตราดอกเบี้ยแพงควรถูกเปลี่ยนประเภทเป็นหนี้ที่อัตราดอกเบี้ยถูกลง

ปิดจบด้วยเงินก้อน : คือ หากพอมีความสามารถหาเงินก้อนได้จำนวนหนึ่ง เช่น จากเงินออม จากการยืมญาติมิตร หรือจากการขายทรัพย์สิน ถึงแม้จะไม่มากเท่ากับยอดที่เป็นหนี้อยู่ ลูกหนี้ก็ยังอาจเจรจาทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แบบมีส่วนลดบางส่วนเพียงพอให้ปิดจบหนี้ทั้งบัญชีได้ ซึ่งจะทำให้หมดภาระค่างวดรายเดือนไปอีกหนึ่งก้อน 

รีไฟแนนซ์ : คือ การปิดสินเชื่อจาก สง.เดิม ย้ายไปใช้สินเชื่อของ สง. ที่ใหม่ที่ให้เงื่อนไขดีกว่า

แนะนำคลินิคแก้หนี้ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้

เพราะ คลินิกแก้หนี้ สามารถช่วยปรับโครงสร้างของหนี้เสียหรือ NPLที่น่าสนใจได้ อีกช่องทางหนึ่ง คลินิคแก้หนี้ของ SAM เป็นโครงการที่อยู่ภายใต้ความร่วมมือ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 โดยข้อมูล ณ เดือน ธ.ค. 62 คลินิคแก้หนี้สามารถช่วยประชาชนแก้หนี้บัตรไปแล้ว 3,194 ราย ครอบคลุมบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดกว่า 13,000 ใบ มีหนี้บัตรเฉลี่ยรายละ 3 ใบ มูลหนี้เฉลี่ยต่อราย 234,843 บาท ในจำนวนนี้ 72 รายชำระหนี้หมดแล้ว สามารถหลุดจากวงจรหนี้บัตรเครดิตได้

โดย บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) ทำหน้าที่เป็นคนกลางที่ช่วยเจรจาและประสานงานระหว่างเจ้าหนี้-ลูกหนี้ ทำให้การแก้ปัญหาหนี้บัตรที่อาจมีเจ้าหนี้หลายรายเกิดขึ้นได้ ซึ่งปกติเวลามีเจ้าหนี้หลายราย การเจรจาให้สำเร็จเบ็ดเสร็จเกิดขึ้นยาก โครงการจะช่วยให้รวมหนี้ให้เบ็ดเสร็จ ลูกหนี้จะไม่ถูกทวงจากเจ้าหนี้หลายราย รวมทั้งจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและปรับโครงสร้างหนี้

ไม่ถูกทวงถามจากเจ้าหนี้หลายราย

แก้ไขหนี้หลายรายได้ครบ จบในที่เดียว

ทำสัญญาแก้หนี้เพียงฉบับเดียว

ผ่อนสบายๆ ตามตารางชำระหนี้

ผ่อนได้ยาวๆ ไม่เกิน 10 ปี ดอกเบี้ยขั้นต่ำ 4-7% ต่อปี

ไม่ก่อหนี้เพิ่ม ไม่ต้องพึ่งหนี้นอกระบบ

ซึ่งตัวลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้เสียและต้องการแก้ไข สามารถใช้ช่องทางการติดต่อได้ดังนี้ :

คลินิกแก้หนี้ ลูกหนี้จำเป็นต้องสมัครเข้าร่วมโครงการโดยสำนักงานเปิดดำเนินการตามปกติ จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 – 17.00 น. เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ดี เพื่อช่วยชาติลดโอกาสการติดเชื้อ แนะนำให้ติดต่อโครงการผ่านช่องทางอื่นๆ ดังนี้ 1. Line @debtclinicbysam มีข้อสงสัยคำถามใดๆ ทางโครงการจะติดต่อกลับ หรือ 2. Website : www.คลินิกแก้หนี้.com; www.debtclinicbysam.com ท่านสามารถสมัคร เข้าโครงการผ่านช่องทางนี้ได้ 3. Call Center โทร 0 2610 2266

สุดท้ายนี้ ข่าวดี! แบงก์ชาติออก

“มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย” ในช่วงโควิด-19

มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 2
รูปภาพจาก สาระความรู้ by IR (http://ir.rs.co.th)

เนื่องด้วย ในช่วงที่ผ่านมา แบงก์ชาติร่วมกับสถาบันการเงินร่วมกันออกมาตรการขั้นต่ำช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจ SMEs (มาตรการช่วยเหลือระยะที่ 1) และมาตรการดังกล่าวได้ครบกำหนดในช่วงมิถุนายนที่มา แต่ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ลูกหนี้รายย่อยสามารถผ่านช่วงที่มีความไม่แน่นอนสูงนี้ไปได้

แบงก์ชาติจึงได้ออก “มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 2” ในหลายด้าน ทั้งการลดเพดานดอกเบี้ย เช่น บัตรเครดิตลงเหลือ 16% (เดิม 18% ต่อปี) รวมถึงวงเงินสินเชื่ออื่นๆ การเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตในกลุ่มลูกหนี้ชั้นดี ให้สามารถย้ายไปเป็นสินเชื่อระยะยาวได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ย 12% ต่อปี และไม่ส่งผลต่อประวัติด้านเครดิต ในส่วนของลูกหนี้ที่ติด NPL นั้น จะมี “โครงการคลินิกแก้หนี้” สำหรับหนี้รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท คอยช่วยเหลือแก้ปัญหา ปรับโครงสร้างหนี้ และมีนโยบายพิเศษช่วยเหลือในช่วงโควิด-19 รวมถึงการก่อหนี้ใหม่ จากแต่เดิมหากเป็น NPL จะห้ามก่อหนี้ใหม่เป็นเวลา 5 ปี แบงก์ชาติได้เพิ่มเกณฑ์ใหม่ โดยสามารถก่อหนี้ใหม่ได้เมื่อชำระเงินต้นอย่างน้อย 50% และลดดอกเบี้ยลงให้อีก 2%

หากมีคำถามเพิ่มเติมทางกฎหมายหรือปัญหาอื่นใดเกี่ยวกับ NPL กรุณา ติดต่อเรา

รับคำปรึกษากฎหมายติดต่อด่วนตลอด 24 ชั่วโมง

ทนายความประจำสนง.