จากการที่ประเทศไทยมี TFRS เพียงชุดเดียวที่ใช้กับ PAEs และNPAEs ทำให้ NPAEs มีต้นทุนในการจัดทำรายงานทางการเงินสูงกว่าที่จะได้รับ เนื่องจากความยุ่งยากซับซ้อน TFRS การใช้แนวคิดมูลค่ายุติธรรม(Fair Value)ซึ่งหาข้อมูลดังกล่าวได้ยากเป็นเหตุให้สภาวิชาชีพบัญชีฯเกิด แนวคิดในการพัฒนา TFRS for NPAEs โดยเฉพาะ

 NPAEs TFRSs

NPAEs อ่านว่า เอ็น-เป้ ในการทำบัญชีมักจะได้ยินว่ากิจการนี้ต้องจัดทำ รายงานทางการเงินตามมาตรฐานบัญชี NPAEsซึ่งเป็นมาตรฐานบัญชีชุดเล็ก ต่อไปนี้เรามาทำความเข้าใจ กับคำว่าNPAEs กันดีกว่า ว่ามีความเป็นมาอย่างไรและกิจการใดต้องจัดทำบัญชีตามมาตรฐานNPAEs 

มารู้จัก NPAE

ความหมายของ NAPEs

NPAEs ย่อมาจาก Non-Publicly Accountable Entities หมายถึงกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสีย สาธารณะ TFRs for NPAEsย่อมาจาก Thai Financial Reporting Standards for Non-Publicly Accountable Entities หมายถึง มาตรฐานการรายงานทางการเงินสาหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ

PAEs ย่อมาจาก Publicly Accountable Entities หมายถึง กิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ และ TFRs for PAEs ย่อมาจาก Thai Financial Reporting Standards for Publicly Accountable Entities หมายถึง มาตรฐานการรายงานทางการเงินสาหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ หรือมาตรฐานการ รายงานทางเงินของไทย (TFRSs) 

ความเป็นมาของ NPAEs

การบัญชีเริ่มถือกาเนิดในประเทศไทยเมื่อ 74 ปีก่อน (พ.ศ.2481-2555) แบ่งออกได้เป็น 4 ช่วงเวลา คือ 

1. หลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป (Generally Accepted Accounting Principles : GAAP) ใช้เมื่อปี พ.ศ. 2481-2521 ซึ่งมาจากหลักการบัญชีของประเทศสหราชอาณาจักรอังกฤษและสหรัฐอเมริกา 

2. มาตรฐานการบัญชี (Accounting Standards : AS) ใช้เมื่อปี พ.ศ.2522-2551 ซึ่งกาหนดโดยสมาคม นักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย (ส.บช.) (พ.ศ.2491-2548) และสภาวิชาชีพบัญชี ใน พระบรมราชูปถัมภ์ (พ.ศ.2548-ปัจจุบัน) 

3.มาตรฐานการรายงานทางการเงิน (Financial ReportingStandards : FRS) ใช้เมื่อปีพ.ศ.2552- 2553 ประเทศไทย ในช่วงเวลาดังกล่าวใช้ FRS โดยสภาวิชาชีพบัญชีฯออกมาตรฐานการรายงานทางการเงิน  อ้างอิงมาจากมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งออกโดย IASB ยังคงยึดหลักการเดิม “One size fits all” 

4. มาตรฐานการรายงานทางการเงิน 2 ชุด (Two Financial Reporting Standards: 2 FRS)TFRS forNPAEs กล่าวถึงเหตุผลของการแยก TFRS for NPAEsออกมาจาก TFRS for PAEsในย่อหน้าที่ 1 กาหนดไว้ดังนี้ 

TFRS

ประเทศไทยมีมาตรฐานการรายงานทางการเงินของไทย (Thai Financial Reporting Standards- TFRSs) ชุดเดียว ที่อ้างอิงจากมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (International Financial Reporting Standards –IFRSs)เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ดังกล่าวใช้กับนิติบุคคลที่มีหน้าที่จัดทำบัญชี ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ.2543 ไม่ว่าจะเป็นบริษัท จดทะเบียนที่มีหุ้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือนิติบุคคลทั่วไปที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ แต่โดยที่ มาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สาหรับกิจการที่มีส่วนได้เสีย สาธารณะและมีความยุ่งยากซับซ้อนจากการใช้แนวคิดมูลค่ายุติธรรม (Fair Value) เป็นหลัก ในการจัดทารายงานทางการเงิน ซึ่งเป็นภาระและก่อให้เกิดต้นทุนในการจัดทำรายงานการเงินของกิจการ ที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะที่ส่วนใหญ่เป็นกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก 

จากการที่ประเทศไทยมี TFRS เพียงชุดเดียวที่ใช้กับ PAEs และNPAEs ทำให้NPAEs มีภาระ ต้นทุนในการจัดทำรายงานทางการเงินสูงกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ เนื่องจากความยุ่งยากซับซ้อน TFRS การใช้แนวคิดมูลค่ายุติธรรม(Fair Value)ซึ่งหาข้อมูลดังกล่าวได้ยากเป็นเหตุให้สภาวิชาชีพบัญชีฯเกิด แนวคิดในการพัฒนา TFRS for NPAEs โดยเฉพาะ 

สภาวิชาชีพบัญชี

ในปี พ.ศ.2554 สภาวิชาชีพบัญชีฯ ได้กำหนดมาตรฐานการรายงานทางการเงินสาหรับกิจการที่ไม่ มีส่วนได้เสียสาธารณะ (TFRS for NPAEs) ขึ้นมาชุดหนึ่งเรียกว่า “ชุดเล็ก” และมาตรฐานการรายงานทาง การเงินเดิมใช้สาหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (TFRS for PAEs) เรียกว่า “ชุดใหญ่”ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป ประเทศไทยจะมีมาตรฐานการรายงานทางการเงิน 2 ชุด คือ ชุดใหญ่และชุดเล็ก 

NPAEs มีลักษณะอย่างไร 

1. จำนวนผู้มีส่วนได้เสีย : มีผู้มีส่วนได้เสียจานวนน้อยหรือผู้ใช้งบการเงินอยู่ในกลุ่มเล็ก3กลุ่ม ได้แก่ เจ้าของกิจการ เจ้าหนี้ และหน่วยงานของราชการ 

2. แหล่งระดมทุน : ระดมเงินทุนจากเจ้าของกิจการ หรือเจ้าหนี้ ในลักษณะของวงแคบ กล่าวคือ จานวนรายของผู้ให้เงินทุนมีจานวนน้อย เฉพาะเจาะจง และจานวนเงินทุนน้อย 

3. ความซับซ้อนของธุรกรรมหรือรายการค้าของธุรกิจ : เกิดรายการค้า ที่มีลักษณะง่าย ไม่ซับซ้อน เนื่องจากธุรกิจของ NPAEsเป็นธุรกิจพื้นฐานทั่วไป ไม่มีความหลากหลายในการประกอบธุรกิจ อยู่ในพื้นที่ หรือประเทศใดประเทศหนึ่งหรือกระจุกตัว 

4. ต้นทุนในการจัดทำรายงานทางการเงิน : ใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินอย่างง่าย ไม่ซับซ้อน ทำให้เกิดต้นทุนในการจัดทำรายงานทางการเงินต่ำ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายต่ำ เหมาะสมกับฐานะการเงินของNPAEs 

5. ขนาดของกิจการ : เป็นกิจการขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือเรียกว่ากิจการขนาดย่อม (Small and Medium Enterprise: SME) กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากาหนดให้มีหน้าที่จัดทำบัญชีที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท สินทรัพย์รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท และรายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท จัดเป็นกิจการขนาดเล็ก ผู้ทำบัญชีมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าอนุปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ทางการบัญชีหรือ เทียบเท่า 

NPAEs

วัตถุประสงค์ ของมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (TFRS for NPAEs ) 

วัตถุประสงค์ของมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ คือ การให้แนวทางในการรายงานการเงินที่มีคุณภาพที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ ดังนี้ 

1. ส่งเสริมการนาเสนอข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจ เชิงเศรษฐกิจของผู้ประกอบการและ ผู้ใช้งบการเงินอื่นๆ 

2. สนับสนุนให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ ทั้งระดับจุลภาคและระดับมหภาค3. เพิ่มความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้ง่ายขึ้น และช่วยลดต้นทุนของเงินทุน 4.ส่งเสริมให้เกิดความสม่ำเสมอและเปรียบเทียบกันได้ของข้อมูลทางการเงินที่ช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้ใช้งบการเงินเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งนาไปสู่การเติบโตของธุรกิจและระบบเศรษฐกิจ โดยรวม 

ขอบเขต ของมาตรฐานการรายงานทางการเงินสาหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (TFRS for NPAEs ) 

ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี มี 4 ประเภท ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจากัด นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตาม กฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร 

1.ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน คือ ห้างหุ้นส่วนประเภทหนึ่งซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วน 2 ประเภท คือ1.1 หุ้นส่วนประเภทจากัดความรับผิดชอบคือผู้เป็นหุ้นส่วนรับผิดชอบในหนี้สินของห้างหุ้นส่วนไม่เกินกว่าจานวนเงินที่ตนได้ลงทุนในห้างหุ้นส่วนนี้

1.2 หุ้นส่วนประเภทรับผิดชอบในหนี้สินไม่จากัด คือ ผู้เป็นหุ้นส่วนรับผิดชอบร่วมกันใน หนี้สินที่เกิดขึ้นของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จากัดจานวน 

2. บริษัทจำกัด คือ บริษัทที่ตั้งขึ้นด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้น แต่ละหุ้นมีมูลค่าหุ้นละเท่าๆ กัน โดยผู้ถือ หุ้นต่างรับผิดชอบจากัดเพียงไม่เกินจานวนเงินที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าหุ้นที่ตนถือ

3. นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย

3.1 นิติบุคคลต่างประเทศ เข้ามากระทำกิจการในประเทศไทย เช่น บริษัท ริกิ การ์เมนส์ จำกัด ของประเทศญี่ปุ่น

3.2 นิติบุคคลต่างประเทศ กระทำกิจการในที่อื่นๆ รวมทั้งในประเทศไทย เช่น ธนาคารซิตี้ แบงก์

3.3 นิติบุคลคลต่างประเทศ กระทำกิจการอื่นๆ รวมทั้งในประเทศไทยและกิจการที่กระทำ นั้นเป็นกิจการขนส่งระหว่างประเทศ เช่น สายการบิน 

3.4 กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร หมายถึง การที่ธุรกิจตั้งแต่ธุรกิจ 2 ธุรกิจขึ้นไปทำสัญญาที่ จะร่วมลงทุนเพื่อดาเนินธุรกิจร่วมกันในทางการค้าหรือหากำไร โดยสิ่งที่นามาร่วมลงทุนอาจเป็นเงินทุน ที่ดิน อาคาร เทคโนโลยีการผลิต หรือบุคลากรภายใต้ข้อตกลงหรือสัญญาร่วมค้าซึ่งกาหนดวัตถุประสงค์ และเป้าหมายในการดาเนินการอย่างชัดเจน เช่น ผลิตหรือจำหน่ายสินค้าหรือดำเนินโครงการใดโครงการ หนึ่งร่วมกันโดยต้องมีการกาหนดสัดส่วนการถือหุ้น หน้าที่ความรับผิดชอบและสิทธิของแต่ละฝ่ายรวมถึง การจัดสรรผลประโยชน์อันเกิดจากการดาเนินการทั้งนี้ ในการทำการร่วมค้าจะต้องมีผู้ร่วมค้าฝ่ายหนึ่งเป็น นิติบุคคลเช่น บริษัทกับบริษัท หรือบริษัทกับบุคคลธรรมดา ซึ่งต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ใช้ชื่อว่า” กิจการร่วมค้า” 

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการดำเนินการทางบัญชี ติดต่อเรา ที่นี่

TAGGED

รับคำปรึกษากฎหมายติดต่อด่วนตลอด 24 ชั่วโมง

ทนายความประจำสนง.