ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ 2529
อาศัย อํานาจตามความในมาตรา ๒) (๓) (จ) และมาตรา ๕๑ และด้วยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่ง สภาทนายความตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.๒๕๒๘ คณะกรรมการสภาทนายความ ออกข้อบังคับว่าด้วยมรรยาททนายความไว้ดังต่อไปนี้
หมวด ๑
บททั่วไป
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.๒๕๒๕”
ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกบทบัญญัติว่าด้วยมรรยาททนายความและการแต่งกายของทนายความตามข้อบังคับของเนติ บัณฑิตยสภาและตามบทกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่ข้อบังคับนี้ใช้ บังคับ
ข้อ ๔ ทนายความผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับข้อใดข้อหนึ่งดังจะกล่าวต่อไปนี้ ให้ถือว่าทนายความผู้ นั้นประพฤติผิดมรรยาททนายความ
หมวด ๒
มรรยาทต่อศาลและในศาล
ข้อ ๕ ไม่รับหน้าที่เมื่อผู้พิพากษาได้ขอแรงให้เป็นทนายความแก้ต่างในคดีอาญาเว้นแต่ จะมีข้อแก้ตัวโดยสมควร
ข้อ ๖ ไม่เคารพยําเกรงอํานาจศาล หรือกระทําการใดอันเป็นการดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในศาลหรือนอกศาล อันเป็นการทําให้เสื่อมเสียอํานาจศาลหรือผู้พิพากษา
ข้อ ๗ กล่าวความ หรือทําเอกสารหรือหลักฐานเท็จ หรือใช้กลอุบายลวงให้ศาลหลงหรือกระทําการใดเพื่อทราบ คําสั่ง หรือคําพิพากษาของศาลที่ยังไม่เปิดเผย
ข้อ ๘ สมรู้เป็นใจโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อทําพยานหลักฐานเท็จ หรือเสี้ยมสอนพยานให้เบิกความเท็จ หรือ โดยปกปิดซ่อนงําอําพรางพยานหลักฐานใด ๆ ซึ่งควรนํามายื่นต่อศาล หรือสัญญาจะให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน หรือสมรู้เป็นใจในการให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน
หมวด ๓
มรรยาทต่อตัวความ
ข้อ ๙ กระทําการใดอันเป็นการยุยงส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องคดีกันในกรณีอันหามูลมิได้
ข้อ ๑๐ ใช้อุบายอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้ใดมอบคดีให้ว่าต่างหรือแก้ต่าง
(๑) หลอกลวงให้เขาหลงว่าคดีนั้นจะชนะ เมื่อตนรู้สึกแก่ใจว่าจะแพ้ (๒) อวดอ้างว่าตนมีความรู้ยิ่งกว่าทนายความอื่น (๓) อวดอ้างว่าเกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใดอันกระทําให้เขาหลง ว่าตนสามารถจะทําให้ เขาได้รับ ผลเป็นพิเศษ นอกจากทางว่าความ หรือหลอกลวงว่าจะชักนําจูงใจให้ผู้นั้นช่วยเหลือคดีในทางใดๆ ได้ หรือ แอบอ้างขู่ว่าถ้าไม่ให้ตนว่าคดีนั้น แล้วจะหาหนทางให้ผู้นั้นกระทําให้คดีของเขาเป็นแพ้
ข้อ ๑๑ เปิดเผยความลับของลูกความที่ได้รู้ในหน้าที่ของทนายความ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากลูกความนั้นแล้ว หรือโดยอํานาจศาล
ข้อ ๑๒ กระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ อันอาจทําให้เสื่อมเสียประโยชน์ของลูกความ
๑) จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี
๒) จงใจละเว้นหน้าที่ที่ควรกระทําอันเกี่ยวแก่การดําเนินคดีแห่งลูกความของตน หรือปิดบังข้อความที่ ควรแจ้งให้ลูกความทราบ
ข้อ ๑๓ ได้รับปรึกษาหารือ หรือได้รู้เรื่องกรณีแห่งคดีใดโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับคู่ความฝ่ายหนึ่ง แล้วภายหลัง ไปรับเป็นทนายความหรือใช้ความรู้ที่ได้มานั้นช่วยเหลือคู่ความ อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นปรปักษ์อยู่ในกรณีเดียวกัน
ข้อ ๑๔ ได้รับเป็นทนายความแล้ว ภายหลังใช้อุบายด้วยประการใด ๆ โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เพื่อจะให้ ตนได้รับประโยชน์ นอกเหนือจากที่ลูกความได้ตกลงสัญญาให้
ข้อ ๑๕ กระทําการใดอันเป็นการฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครอง หรือหน่วงเหนี่ยวเงิน หรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อัน เกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับความยินยอม จากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร
หมวด ๔
มรรยาทต่อทนายความด้วยกัน ต่อประชาชนผู้มีอรรถคดี และอื่นๆ
ข้อ ๑๖ แย่ง หรือทําการใดในลักษณะประมูลคดีที่มีทนายความอื่นว่าต่างแก้อยู่แล้วมาว่า หรือรับ หรือสัญญาว่า จะรับว่าต่าง แก้ต่างอยู่แล้วมาว่า หรือรับ หรือสัญญาว่าจะรับว่าต่าง แก้ต่างในคดีที่รู้ว่ามีทนายความอื่นว่าอยู่แล้ว เว้นแต่
(๑) ได้รับความยินยอมจากทนายความที่ว่าความอยู่ในเรื่องนั้นแล้ว (๒) มีเหตุผลอันควรเชื่อว่าตัวความได้ถอนทนายความคนก่อนจากการเป็นทนายความของเขาแล้ว หรือ (๓) ทนายความผู้ว่าความในเรื่องนั้นปฏิเสธหรือแสดงความไม่สมัครใจที่จะว่าความในคดีนั้นต่อไปแล้ว
ข้อ ๑๗ ประกาศโฆษณา หรือยอมให้ผู้อื่นประกาศโฆษณาใด ๆ ดังต่อไปนี้
(๑) อัตราค่าจ้างว่าความ หรือแจ้งว่าไม่เรียกร้องค่าจ้างว่าความ เว้นแต่การประกาศโฆษณาของ ทนายความเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ซึ่งดําเนินการโดยสภาทนายความเอง หรือโดยสถาบัน สมาคม องค์การ หรือส่วนราชการใดที่เกี่ยวข้อง หรือ
(๒) ชื่อ คุณวุฒิ ตําแหน่ง ถิ่นที่อยู่ หรือสํานักงาน อันเป็นไปในทางโอ้อวดเป็นเชิงชักชวนให้ผู้มีอรรถ คดีมาหาเพื่อเป็นทนายความ ว่าต่างหรื อแก้ต่างให้ เว้นแต่การแสดงชื่อ คุณวุฒิหรืออื่นๆดังกล่าวตามสมควรโดยสุภาพ
ข้อ ๑๘ ประกอบอาชีพ ดําเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสีย ต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ ข้อ ๑๕ ยินยอมตกลง หรือให้คํามั่นสัญญาว่าจะให้ค่านายหน้าหรือบําเหน็จรางวัลใด ๆ ด้วยทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์ใด ๆ แก่ผู้ที่หาคดีความมาให้นั้น แม้บุคคลผู้หาคดีความมาให้โดยลักษณะดังกล่าวจะเป็นเสมียนหรือ ลูกจ้างประจํา สํานักงานของทนายความผู้นั้นก็ตาม
หมวด ๕
มรรยาทในการแต่งกาย
ข้อ ๒๐ ในเวลาว่าความ ทนายความจะต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อยตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
(๑) ทนายความชาย แต่งตามแบบสากลนิยม เป็นชุดสีขาว หรือสีอื่นที่ไม่ฉูดฉาด เชิ้ตขาว ผ้าผูกคอสีดํา หรือสีอื่นที่สุภาพไม่ฉูดฉาดแบบเงื่อนกลาสี หรือแต่งเสื้อชุดไทยแบบแขนสั้นหรือยาว สีสุภาพไม่มีลวดลายแทน เสื้อชุดสากลก็ได้ รองเท้าหุ้มส้นสีขาว น้ําตาลหรือดํา ถุงเท้าสีคล้ายคลึงกับรองเท้า
(๒) ทนายความหญิง แต่งตามแบบสากลนิยม กระโปรงและเสื้อสีสุภาพไม่ขูดฉาด รองเท้าหุ้มส้น
(๓) ทนายความที่มีสิทธิแต่งเครื่องแบบราชการ จะแต่งเครื่องแบบราชการก็ได้
(๔) ในขณะว่าความ ทนายความที่มีสิทธิสวมเสื้อครุยเนติบัณฑิตต้องสวมเสื้อครุยนั้นด้วย
หมวด ๖
มรรยาทในการปฏิบัติตามคําสั่งตามกฎหมายและข้อบังคับ
ข้อ ๒๑ ทนายความจะต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เป็นไปตามคําสั่งของสภานายก พิเศษ แห่งสภา ทนายความ คณะกรรมการ สภาทนายความ และคณะกรรมการมรรยาททนายความ ตลอดจนบรรดาข้อบังคับ หรือข้อกําหนดที่บุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวได้สั่งหรือ มีไว้แล้วแต่กรณี ตามอํานาจหน้าที่ซึ่งมีอยู่ตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ประกาศณวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๕
ประธานดวงรัตน์ นายกสภาทนายความ ( ประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษเล่ม ๑๐๓ ตอนที่ ๒๕ วันที่๑๙กุมภาพันธ์๒๕๒๕ )
อ้างอิง ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ 2529
ติดต่อเรา NATTAPATFIRM.COM