ปืน 5 ชนิดที่คนทั่วไปจะมีได้และนายทะเบียนสามารถที่จะอนุญาตออกให้ เพื่อขอใบป.3 การขออนุญาตซื้ออาวุธปืน และทำใบป.4 เพื่อขอมีและใช้อาวุธปืน ต่อไป ตามกฎหมาย เป็นข้อมูลที่ท่านควรทราบเบื้องต้นก่อน การดำเนินการขั้นต่อไป วันนี้เราจะพาทุกท่านมาศึกษากันภายในบทความครับ
ตามกฎกระทรวง ฉบับ 11 ออกตามความใน พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยอ้างอิงตาม เนื้อหาของบทบัญญัติ
ข้อ ๒ อาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามมาตรา ๗ หรือมาตรา ๒๔ ต้องเป็นอาวุธปืน ชนิดและขนาด ดังต่อไปนี้
(๑) อาวุธปืนชนิดลำกล้องมีเกลียวที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่เกิน ๑๑.๔๕ มม.
(๒) อาวุธปืนชนิดลำกล้องไม่มีเกลียว ดังต่อไปนี้
(ก) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่ถึง ๒๐ มม.
(ข) ปืนบรรจุปาก ปืนลูกซอง และปืนพลุสัญญาณ
(๓) อาวุธปืนชนิดที่มีเครื่องกลไกสำหรับบรรจุกระสุนเองให้สามารถยิงซ้ำได้ ดังต่อไปนี้
(ก) ขนาดความยาวของลำกล้องไม่ถึง ๑๖๐ มม.
(ข) ปืนลูกซอง
(ค) ปืนลูกกรดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้อง ไม่เกิน ๕.๖ มม.
(๔) อาวุธปืนชนิดไม่มีเครื่องบังคับเสียงให้เบาผิดปกติ
(๕) อาวุธปืนชนิดที่ไม่ใช้กระสุนเป็นที่บรรจุวัตถุเคมีที่ทำให้เกิดอันตรายหรือเป็นพิษหรือไม่ใช้เครื่องกระสุนปืนที่บรรจุเชื้อโรค เชื้อเพลิง หรือวัตถุกัมมันตภาพรังสี
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ <<คลิกเพื่ออ่าน
จึงสรุปได้ว่า ประชาชนทั่วไป จะสามารถซื้อปืนตามประเภทได้เพียงดังนี้ คือ
สารบัญ
1.ปืนชนิดลำกล้องมีเกลียว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่เกิน 11.44 มม.
กล่าวคือ ปืนสั้นหรือปืนพก ซึ่ง ปืนสั้นปัจจุบันมีกลไกให้เลือก 2 แบบ คือแบบลูกโม่และแบบเซมิออโต้ ซึ่งมีจุดเด่นจุดด้อย ต่างกันออกไป เรื่องสำคัญอีกอย่างก็คือการเลือกกระสุนที่มีอำนาจหยุดยั้งพอสำหรับการหยุดภัยคุกคาม
ซึ่งท่านจำเป็นต้องวัดระยะ เส้นผ่านศูนย์กลางปากลำกล้อง ให้ไม่มีความยาวหรือกว้างเกินที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น หากท่านครอบครองไว้ จะมีความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
วิธีวัดกระบอกปืน >> https://th.wikicell.org/Measure-Gun-Barrel-2397
2.ปืนชนิดลำกล้องไม่มีเกลียว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่เกิน 20 มม.,
กล่าวคือ ท่านไม่สามารถครอบครองปืนลำกล้องไม่มีเกลียวหรือปืนลำกล้องเรียบได้ ยกตัวอย่างเช่น ปืนปากกา หรือไทยประดิษฐ์ทั่วไป เนื่องจากในทางทฤษฑีแล้ว เกลียวของลำกล้องจะเป็นตัวปั่นหัวกระสุน ตามหลักไจโรหรือการหมุนควงเพื่อรักษาวิถี เพื่อให้มีความแม่นยำแก่ผู้ใช้อาวุธปืน และป้องกันอันตรายแก่ บุคคลอื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับจุดประสงค์การใช้งาน กฎหมายจึงได้บัญญัติห้าม ดังนั้น การครอบครองไว้ จึงมีความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
3.ปืนชนิดที่เครื่องกลไก ขนาดความยาวลำกล้องไม่เกิน 160 มม.,
เช่น ปืนลูกซอง, ปืนลูกกรด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่เกิน 5.6 มม.
กล่าวคือ ปืนลูกซองยาว หรือ ปืนลูกกรด ที่ไม่ใช่ปืนพก ที่มักเหมาะสำหรับคุณเป็นอย่างมาก หากคุณอยู่ในที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่กว้าง เช่นฟาร์ม หรือเป็นสวน, ไร่นา ปืนลูกซองและปืนลูกกรด อาจจะเป็นปืนกระบอกแรกของคุณสำหรับป้องกันตัวในบ้าน หรือถ้าคุณอยู่ในเมืองแต่บ้านมีบริเวณพอสมควร ปืนลูกซองก็อาจจะเป็นเป็นปืนกระบอกที่สองหลังจากที่คุณมีปืนสั้นแล้ว
ซึ่งท่านจำเป็นต้องวัดระยะความยาวของลำกล้อง และ เส้นผ่านศูนย์กลางปากลำกล้อง ให้ไม่มีความยาวหรือกว้างเกินที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น หากท่านครอบครองไว้ จะมีความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
4.ปืนชนิดไม่มีเครื่องบังคับเสียงให้เบาผิดปกติ
กล่าวคือ ปืนเก็บเสียงและปืนลดเสียงที่มีอุปกรณ์ดับเสียงติดตั้งไว้ ให้ปืนที่ใช้กระสุนที่ออกแบบมาให้มีเสียงเบามาก ซึ่งจะถูกใช้ในการปฏิบัติการลับ เพื่อยิงปืนสู่เป้าหมายโดยไม่ให้เกิดเสียงเลย หรือเพื่อมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้เสียงลดลงมากกว่าปกติ หรือปืนที่ใช้กระสุนที่ออกแบบมาให้มีเสียงเบากว่าปกติ เพื่อป้องกันให้เสียงในการยิงปืนดังน้อยลง และป้องกันอันตรายที่เกิดจากเสียงดังของปืน หากท่านครอบครองไว้ จะมีความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
5.ปืนชนิดไม่ใช้กระสุนเป็นที่บรรจุวัตถุเคมีที่ทำให้เกิดอันตรายหรือเป็นพิษ
กล่าวคือ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ชัด เช่น เครื่องพ่นไฟ (หรือปืนไฟ Throwflame) คือ ปืนที่ใช้ความดันลม ดันเชื้อเพลิงออกมา เพื่อยิงเข้าสู่เป้าหมายโดยการทำให้ลุกไหม้ด้วยการจุดชนวน หรือผ่านประกายไฟที่เกิดจากการทำงานของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หากท่านครอบครองไว้ จะมีความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
อ้างอิง คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2549
เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้นั้นต้องเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ได้ตามที่กำหนดไว้ในกระทรวง ฉบับที่ 11 ฯ ข้อ 2 เว้นแต่เครื่องกระสุนปืนนั้นแม้จะเป็นเครื่องกระสุนปืนขนาดที่ใช้กับอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ได้ก็ตาม หากเป็นเครื่องกระสุนปืนชนิดเจาะเกราะหรือชนิดกระสุนเพลิงแล้ว ก็เป็นเครื่องกระสุนปืนชนิดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ดังนั้น เมื่อเครื่องกระสุนปืนของกลางมีขนาด .223 (5.56 มม.) ไม่เกินขนาดอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 ฯ ข้อ 2 (1) ที่กำหนดว่า “อาวุธปืนชนิดลำกล้องมีเกลียวที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่เกิน 11.44 มม.” และข้อ 2 (2) กำหนดว่า “อาวุธปืนชนิดลำกล้องไม่มีเกลียวดังต่อไปนี้ (ก) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่ถึง 20 มม. (ข) ปืนประจุปาก ปืนลูกซอง และปืนพลุสัญญาณ” จึงเห็นได้ว่า เครื่องกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 มม.) จำนวน 12 นัด ของกลางเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ ดังนั้น แม้หากจะรับฟังว่าเครื่องกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 มม.) จำนวน 12 นัด ของกลางเป็นเครื่องกระสุนปืนเล็กกลดังเช่นที่โจทก์ฎีกาก็ตามแต่ตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่า เครื่องกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 มม.) จำนวน 12 นัด ของกลางเป็นเครื่องกระสุนปืนชนิดเจาะเกราะหรือชนิดกระสุนเพลิง ซึ่งเป็นข้อยกเว้นตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 ฯ ข้อ 3 ตอนท้าย ที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ศาลก็ต้องยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 55, 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3841/2524
แม้ขณะจำเลยกระทำผิด พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มีผลใช้บังคับแล้ว แต่กฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ม.55 แก้ไข เพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 7)พ.ศ. 2522 ที่กำหนดประเภท ชนิด และขนาดของอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิด ที่ยายทะเบียน จะออกใบอนุญาตให้ได้ ยังไม่ได้ประกาศใช้บังคับ เพิ่งประกาศใช้บังคับภาย หลังจากจำเลยกระทำผิดแล้ว กรณีจึงจะนำกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวมาใช้ บังคับย้อนหลังอันเป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3283/2545
ที่โจทก์ฎีกาว่า เครื่องกระสุนปืนขนาด 7.62 มม. ของกลาง จะต้องใช้กับกระสุนปืนที่ทหารของกองทัพนาโต้ใช้ประจำกายในการสงคราม ย่อมจะต้องเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นั้น เห็นว่ากฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ข้อ 3 กำหนดว่า ” เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาต ให้ได้ตามมาตรา 7 หรือ มาตรา 24 ต้องเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามข้อ 2 ที่ได้รับอนุญาต แต่ต้องไม่เป็น เครื่องกระสุนปืนชนิดเจาะเกราะหรือชนิดกระสุนเพลิง” อันหมายความว่า เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้นั้นต้องเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ได้ตามที่กำหนดไว้ใน กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ข้อ 2 เว้นแต่เครื่องกระสุนปืนนั้นแม้จะเป็นเครื่องกระสุนปืนขนาดที่ใช้กับ อาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ได้ก็ตาม หากเป็นเครื่องกระสุนปืนชนิดเจาะเกราะหรือชนิดกระสุนเพลิงแล้ว ก็เป็นเครื่องกระสุนปืนชนิดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ เมื่อเครื่องกระสุนปืนของกลางมีขนาดเพียง 7.62 มม. ไม่เกินขนาดอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ข้อ 2 (1) ข้อ 2 (2) (ก) (ข) แล้ว จึงเห็นได้ว่าเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ เครื่องกระสุนปืนดังกล่าว จึงเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ได้เช่นกัน ดังนั้นถึงหากจะให้รับฟังว่าเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ผลิตขึ้นมาใช้กับอาวุธปืนสงครามของทหารกองทัพนาโต้เป็นการเฉพาะดังเช่นที่โจทก์ฎีกาก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ไม่ได้นำพยานหลักฐานเข้าสืบให้เห็นว่า เครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นเครื่องกระสุนชนิดเจาะเกราะหรือชนิดกระสุนเพลิง ซึ่งเป็นข้อยกเว้นตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ข้อ 3 ตอนท้าย ที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้แล้ว ก็ไม่อาจรับฟังเช่นโจทก์ฎีกาได้
อาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไว้ในครอบครอง มีทั้งลำกล้องปืนและกระสุนปืนซึ่งเป็นคนละชนิดและขนาดกับอาวุธปืนนอกจากจะเป็นความผิดตามมาตรา 72 วรรคหนึ่งแล้ว ยังเป็นความผิดตามมาตรา 72 วรรคสองอีกด้วย และการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดกรรมเดียวกันผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องลงโทษตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด
หากท่านมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือต้องการตรวจแทนจัดการด้าน อาวุธปืน และการขอใบอนุญาติ อย่าลังเลที่จะติดต่อเรา NATTAPATFIRM.COM พร้อมบริการ