ขั้นตอน การขอมีอาวุธปืนถูกกฏหมาย ฉบับมนุษย์เงินเดือน บ้านอยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้มีเส้นมีสาย ไม่ได้มีเงินมากมาย ทำงานบริษัทเอกชน ข้อมูลสำหรับมือใหม่นะครับ ถ้ามือเก่าที่เคยขอกันอยู่แล้วก็ช่วยแนะนำเพิ่มเติมได้ครับ
วัตถุประสงค์ในการขอ ก็ตรงๆ ตามที่กฎหมายเขียนไว้คือ “ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน” และปัจจุบันผมก็คิดว่าพร้อมทั้งด้วยอายุ หน้าที่การงานก็ก้าวหน้าพอควร และที่สำคัญก็คือมีทรัพย์สินพอจะให้ปกป้องได้บ้างแล้ว ในชีวิตไม่เคยมีคดีอะไรกับใครแม้แต่ครั้งเดียว ใครมาหาเรื่องก็ยกมือไหว้อย่างเดียวครับ ไม่เคยโดนจับ ประวัติสะอาดสุดๆ คุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฏหมายกำหนดไว้ และมั่นใจว่าไม่เอาปืนไปกร่าง หรือหาเรื่องไปทั่วครับ
ดังนั้นผมจะสรุปขั้นตอนต่างๆ เป็นข้อๆ สำหรับคนอยากขอมีอาวุธปืนอย่างถูกต้องตามกฏหมาย
โดยผมขอแบ่งเป็น 9 ข้อนะครับ
สารบัญ
1.ฝึกอบรมการใช้อาวุธปืนได้อย่างถูกต้องปลอดภัย
สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมากๆ อันดับหนึ่งเลยสำหรับคนที่จะไปยื่นขอมีอาวุธปืนก็คือ การมีความรู้ในการใช้งานอาวุธปืนได้อย่างถูกต้องปลอดภัย เพราะว่าอาวุธปืนถ้าอยู่ในมือคนที่มีความรู้ย่อมอันตรายน้อยกว่า คนที่รู้ งูๆ ปลาๆ แล้วไปใช้งานจะยิ่งเป็นอันตรายต่อตัวเอง และผู้อื่น
ดังนั้นควรไปสมัครอบรมซะให้เรียบร้อย สำหรับใบรับรองการผ่านอบรมการใช้อาวุธปืนนี้จริงๆ แล้วผมอยากให้กฏหมายกำหนดลงไปในคุณสมบัติพื้นฐานของคนที่ขอมีอาวุธปืนด้วย ให้ทุกคนต้องผ่านเป็นหลักสูตรที่รัฐรับรอง ต้องมีคะแนนสอบการยิงปืนด้านต่างๆ อย่างน้อยก็รับรองได้ว่าได้ปืนไปจะใช้งานได้อย่างปลอดภัย มีใบรับรองจากจิตแพทย์ว่าเป็นคนปกติ
แต่ว่ากฏหมายปัจจุบันไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์นี้ไว้ ดังนั้นผมก็สร้างข้อกำหนดของผมเอง ในการหาลงคอร์ส อบรมการใช้อาวุธปืน ผมลงเรียนที่ “สถาบันการยิงปืนพกและการป้องกันตัว PSDC” ที่สนามยิงปืนโรงเรียนนายร้อย จปร. จังหวัดนครนายก ใครสนใจก็ไปสมัครกันได้ครับ เข้าไปดูบรรยากาศการเรียนได้ใน spoil ด้านล่างครับ ครูฝึกดูแลดี และเอาใจใส่ทุกคนครับ อาหารเที่ยงก็อร่อยด้วยครับ ปัจจุบันมีถึงรุ่นที่ 94 แล้วครับ (update ปี 2560)
2.ตรวจสอบคุณสมบัติและจัดเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ยื่นกับทางอำเภอ
เรามีภูมิลำเนาทะเบียนบ้านอยู่ไหน ก็ไปยื่นที่นั่นครับ ต่างจังหวัดก็ที่ว่าการอำเภอที่เราอยู่ ถ้าคนกรุงเทพ ยื่นที่วังไชยา ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเรา
คุณสมบัติทั่วไปของผู้ขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน.
– บรรลุนิติภาวะ
– สภาพร่างกายปกติไม่พิการหรือทุพพลภาพ
– ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
– มีชื่อในทะเบียนบ้านและมีถิ่นที่อยู่ประจำในท้องที่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
– ไม่เคยต้องโทษจำคุกคดีอาญา
เอกสารประกอบคำขออนุญาต/การขออณุญาตซื้อปืนและเครื่องกระสุนปืน
ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการอื่นๆ หรือพนักงานองค์กรของรัฐ
– บัตรประจำตัวข้าราชการหรือพนักงาน (ฉบับจริงพร้อมสำเนา)
– ทะเบียนบ้าน(ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
– หนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชารับรองตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน ความประพฤติ และเหตุผลความจำเป็นที่ขออนุญาตที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน
– ผู้ออกหนังสือรับรองต้องเป็น ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ระดับผู้อำนวยการกอง หรือเทียบเท่าขึ้นไป
– ข้าราชการตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการกอง หรือเทียบเท่าขึ้นไปไม่ต้องมีหนังสือรับรอง
– หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน
ข้าราชการทหารหรือตำรวจ
– บัตรประจำตัวข้าราชการหรือพนักงาน (ฉบับจริงพร้อมสำเนา)
– ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
– หนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชารับรองตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน ความประพฤติ
และเหตุผลความจำเป็นที่ขออนุญาต ที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน
– ผู้ที่ออกหนังสือต้องเป็นผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดที่มียศตั้งแต่พันเอกหรือพันตำรวจเอกขึ้นไป
– ผู้มียศตั้งแต่พันเอกหรือพันตำรวจเอกขึ้นไปไม่ต้องมีหนังสือรับรอง
– หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน
ประชาชนทั่วไป หรือผู้ประกอบอาชีพอื่น
– บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
– ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
– หลักฐานการประกอบอาชีพ อาทิเช่น หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือร้าน หากเป็นลูกจ้างหรือรับจ้างต้องมีหนังสือรับรองตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน จากผู้ที่มีอำนาจจัดการของกิจการนั้น
หรือเจ้าของแล้วแต่กรณี หากมิได้มีอาชีพรับจ้างต้องมีเอกสารประกอบตามที่อ้างอิง อาทิเช่น ทำสวน ทำไร่ ติดต่อค้าขายที่ หรือค้าขายย่อย หรือเร่ขาย โดยไม่ได้จดทะเบียน ต้องนำหลักทรัพย์ เช่น โฉนดที่ดินเงินฝากธนาคาร (Statement) หรือหลักฐานอื่นเพื่อประกอบการพิจารณา
– หนังสือรับรองความประพฤติและเหตุผลความจำเป็นที่ขออนุญาตจากข้าราชการระดับ 6 ขึ้นไป หรือตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไป
– พิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสอบประวัติ และสืบสวนความประพฤติ
– หากขออนุญาตเพื่อการกีฬาจะต้องนำหลักฐานการเป็นสมาชิกสนามยิงปืนมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน มาประกอบการพิจารณา
– หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน
การขออนุญาตซื้ออาวุธปืนจากบุคคล
– หลักฐานเอกสารเช่นเดียวกับการขออนุญาตซื้อปืนและเครื่องกระสุน
– สำเนาบัตรประจำตัวและทะเบียนบ้านของผู้โอน พร้อมใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (ป.4) ฉบับจริงของอาวุธปืนที่จะโอน
– ผู้โอน(เจ้าของเดิมกับผู้ขอรับโอน) ต้องบันทึกการยินยอมการโอนต่อหน้านายทะเบียนไว้ในหลังใบอนุญาต(ป.4) ว่าโอนปืนกระบอกนี้ ให้ใคร มีค่าตอบแทนเท่าใด หรือโอนไม่คิดค่าตอบแทน เนื่องจากอะไร แล้วลงนามไว้เป็นหลักฐาน พร้อมผู้รับโอนลงนามไว้ด้วย
– หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน
– หากขออนุญาตเพื่อการกีฬาจะต้องนำหลักฐานการเป็นสมาชิกสนามยิงปืนมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน มาประกอบการพิจารณา
– นำอาวุธปืนที่ขอรับโอนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในวันที่ยื่นคำร้อง
การขอรับโอนอาวุธปืนมรดก (เจ้าของปืนตาย)
– ผู้ที่มีอาวุธปืนหรือใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน(ป.4) อยู่ในครอบครองต้องแจ้งการตายต่อนายทะเบียนท้องที่ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ตายพร้อมนำใบอนุญาต(ป.4) และอาวุธปืนมอบให้นายทะเบียนด้วย
– ใบมรณบัตร พร้อมสำเนา
– สำเนาคำสั่งศาลกรณีศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
– ถ้ามีผู้จัดการมรดกเสนอได้เลย
– ถ้าไม่มีผู้จักการมรดก ต้องสอบทายาททั้งหมด ว่ายินยอมสละปืนแล้วเสนอนายทะเบียนฯ
– ผู้ขอรับโอนปืนมรดกนำหลักฐานเอกสารประกอบคำร้องเช่นเดียวกับการขอรับโอนอาวุธปืนจากบุคคลมายื่นต่อ นายทะเบียนท้องที่พร้อมเอกสารข้างต้น
– หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน
– นำอาวุธปืนที่ขอรับโอนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในวันที่ยื่นคำร้อง
การแจ้งการย้ายอาวุธปืน
– ต้องยื่นคำร้องขอย้ายอาวุธปืนต่อนายทะเบียนท้องที่เดิม และนายทะเบียนท้องที่ซึ่งย้ายไปอยู่ใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่ วันย้ายออกไปและวันที่ไปถึง
– ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
– บัตรประจำตัว (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
– นำอาวุธปืนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
– ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
การออกใบแทนหรือคัดสำเนาใบอนุญาตอาวุธปืน
– ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
– บัตรประจำตัว (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
– กรณีใบอนุญาตสูญหาย แจ้งความสถานีตำรวจท้องที่ที่ใบอนุญาตหาย แล้วนำใบแจ้งความพร้อมคัดสำเนาประจำวันด้วย
– นำอาวุธปืนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
อัตรค่าธรรมเนียมอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน
1. ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน
– ปืนยาวประจุปาก ปืนอัดลม ฉบับละ 100 บาท
– ปืนอื่นๆ ฉบับละ 500 บาท
2. ใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ฉบับละ 1,000 บาท
3. ใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน กระบอกละ 5 บาท
4. ใบอนุญาตให้ซื้อกระสุนปืน นอกจากกระสุนอัดลม 1 บาท
ร้อยละหรือเศษของร้อย
5. ใบแทนใบอนุญาต
– ใบแทนใบอนุญาติให้ทำ ค้าอาวุธปืน ฉบับละ 20 บาท
เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด
– ใบแทนใบอนุญาตให้ประกอบซ่อมแซม ฉบับละ 15 บาท
หรือเปลี่ยนลักษณะอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน
– ใบแทนใบอนุญาตอื่นๆ ฉบับละ 5 บาท
3.หาข้อมูลปืนที่เราชอบและแหล่งรวมร้านขายปืนในกรุงเทพ
ควรหาข้อมูลปืนที่เราอยากจะชื้อไว้ก่อนนะครับ ว่าเราชอบแบบไหน ปืนสั้น ปืนยาว รวมถึงศึกษาระบบการทำงานของปืน ให้เข้าใจอย่างแท้จริงและคิดถึงเรื่องงบประมาณที่เรามีด้วยครับ ราคาอาวุธปืนในเมืองไทยจะแพงกว่าต่างประเทศหลายเท่าตัวครับ เพราะเกี่ยวกับเรื่องโค้วต้าการนำเข้ามาจำหน่ายของแต่ละร้านค้า ทำให้ต้องบวกเพิ่มเพื่อให้ร้านมีกำไรอยู่ได้ครับ ถ้าเป็นปืนตลาดรุ่นนิยมก็อาจจะแพง แต่ก็มียี่ห้อไม่ดังแต่คุ้มค่าคุ้มราคาก็มีครับ ต้องศึกษา ถ้ามีเวลาอยากให้มาที่วังบูรพาแหล่งรวมร้านปืนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ลองไปยืนดู เข้าไปถาม หรือลองจับ สอบถามราคา การใช้งานกับทางร้าน จะทำให้เราได้เปรียบเทียบ ปืนรุ่นต่างๆ ได้ครับ
ถ้าสนใจปืน Glock แนะนำให้ไปที่ศูนย์ให้ข้อมูล บริการ และดูแลหลังการขาย สำหรับอาวุธปืน GLOCK ร้านปืนโอฬารพาณิชย์ เลขที่ 2/7 อาคารดิโอล์ดสยามพลาซ่า ชั้น 1 ที่นี่จะมีปืน Glock ทุกรุ่นให้ลองจับลองเล่นได้ ถ้าไม่มีเวลามาก็หาความรู้ได้ตามเวบบอร์ดต่างๆ ที่คนเข้ากันเยอะๆ ก็ Gun.in.th มีข้อมูลให้ศึกษามากมายครับ สามารถอ่านข้อมูลเก่าหรือตั้งกระทู้ถามข้อสงสัยได้ครับ ทุกคนยินดีที่จะตอบให้ รวมถึงหนังสือปืนตามร้านหนังสือที่เราสามารถเปิดอ่านดูได้ครับ
4.ไปยื่นเอกสารที่อำเภอใบรับรองความประพฤติและขั้นตอนตรวจลายนิ้วมือที่สถานีตำรวจ
มาถึงขั้นตอนที่ต้องยื่นเอกสารแล้ว สำหรับผมได้ไปคุยกับพี่ปลัดที่อำเภอก่อนเพื่อสอบถามว่าตอนนี้สามารถยื่นขอ ป.3 ได้อยู่หรือเปล่า จะได้ไม่ต้องเตรียมเอกสารเก้อ พอทางพี่ปลัดบอกว่าได้ ก็ขอแบบฟอร์มใบรับรองความประพฤติ เพื่อเอาไปให้ผู้ใหญ่บ้านกับกำนันเซ็น (ผมขอกับหน้าห้องนายอำเภอ) ผมคิดว่าถ้าใช้แบบฟอร์มของอำเภอเลยจะดีกว่าเพราะจะได้ถูกต้องครั้งเดียว ของอำเภอที่ผมยื่นขอ ต้องเซ็นทั้งผู้ใหญ่บ้านและกำนัน รวมถึงต้องมีรายการทรัพย์สินที่เรามีด้วยว่ามีอะไรบ้าง มูลค่าเท่าไร หลังจากนั้นผมก็มาจัดเตรียมเอกสารตามด้านล่าง โดยดูจากคุณบัติและเอกสารที่ทางอำเภอต้องการ
1) สำเนาบัตรประชาชน (พร้อมตัวจริง)
2) สำเนาทะเบียนบ้าน (พร้อมตัวจริง)
3) ใบรับรองความประพฤติ (ให้ผู้ใหญ่บ้านกับกำนัน เซ็นเรียบร้อยแล้ว และแนบสำเนาบัตรผู้ใหญ่บ้านและกำนันด้วยคนละ 1 ใบ)
4) ใบรับรองเงินเดือน และตำแหน่ง (ผมทำงานบริษัทก็ขอที่ฝ่ายบุคคลได้เลย อันนี้ทำให้เราดูเป็นคนที่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง)
5) Statement บัญชีเงินฝาก ย้อนหลัง 6 เดือน (ขอที่ธนาคารที่มีบัญชีเงินฝากไว้ เอาแบบมีเงินเกินค่าปืนไปซัก 2-3 กระบอก)
6) สำเนาโฉนดที่ดิน, สำเนาทะเบียนรถ ที่เป็นชื่อตัวเอง (ทำให้ดูมีทรัพย์สินไว้ปกป้อง)
7) ใบรับรองการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน (อบรมที่ “สถาบันการยิงปืนพกและการป้องกันตัว PSDC” สนามยิงปืน จปร. จ.นครนายก)
8) ใบผ่านการเรียน ร.ด ปี 3 (ทำให้ดูเหมือนผ่านการจับปืนมาบ้างแล้ว และตอนนี้เป็นกำลังสำรองของประเทศ)
9) ส่วนใบพิมพ์นิ้วมือ ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ทางอำเภอจะออกเอกสารให้เราเอาไปที่สถานีตำรวจอีกที (นัดรับวันหลัง)
เอกสารที่ผมยื่นไป ผมคิดเอาว่าเป็นเอกสารทำให้เชื่อว่าเราเป็นคนดี มีงานทำเป็นหลักแหล่งและมีทรัพย์สินให้ปกป้องครับ ตรงส่วนใบรับรองความประพฤติ ผมก็ให้แม่ช่วยนัดผู้ใหญ่บ้านกับกำนัน ว่าจะอยู่บ้านกันวันไหนบ้าง เพราะจะได้ลางานแล้วไปเซ็นรับรองความประพฤติได้ทั้ง 2 คน และส่งเอกสารที่อำเภอให้เสร็จวันเดียวเลย ไม่ต้องลาหลายครั้ง
ส่งเอกสารทั้งหมดให้หน้าห้องนายอำเภอ ปัจจุบันระบบการขออนุญาตมีอาวุธปืน เป็นระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์หมดแล้ว ทางหน้านายอำเภอจะห้องคีย์ข้อมูล ลงในใบ ป.1 ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ให้เลย ผมก็เลยไม่ได้เขียนใบ ป.1 แค่ยื่นเอกสารให้เฉยๆ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรทางหน้าห้องก็จะขอเบอร์โทรติดต่อ และจะโทรบอกว่าเราอีกทีถ้าต้องให้เซ็นเอกสารอะไรเพิ่ม ผ่านไป 1 อาทิตย์หน้าห้องโทรมาบอกว่าให้ไปรับใบเอกสารส่งตัว เพื่อไปพิมพ์รายนิ้วมือที่สถานีตำรวจประจำอำเภอ จากนั้น 2-3 วันผ่านไปผมก็ลางานครึ่งวันบ่าย ไปรับใบส่งตัวที่หน้าห้องแล้วก็ไปที่สถานีตำรวจ ไปพิมพ์รายนิ้วมือ และพี่ตำรวจก็ถามว่าจะซื้อปืนรุ่นไหน ผมก็เล่าๆ ให้ฟัง ที่สถานีตำรวจบ้านผมที่พิมพ์ลายนิ้วมือ ก็จะเป็นแบบสมัยก่อนคือ เอามือป้ายหมึกแล้วก็มากดๆ บนกระดาษ พี่ตำรวจก็ถามว่าเคยโดนพิมพ์ลายนิ้วมือมั้ย ผมก็บอกว่าเคยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่เป็นแบบเครื่องเลเซอร์ พี่ตำรวจก็หัวเราะว่าแบบใหม่ดีกว่า มือไม่เปื้อนหมีกด้วย พิมพ์เสร็จเรียบร้อย จ่ายเงิน 1 ร้อยบาทค่าพิมพ์มือ รับใบเสร็จหลังจากนั้นพี่ตำรวจต้องมาเขียนข้อมูลเราในแบบฟอร์มกระดาษ แล้วก็พิมพ์เข้าคอมพิวเตอร์ พี่ตำรวจบอกว่าเดี๋ยวนี้ต้องพิมพ์ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์หมดแล้ว แต่ว่าใบที่ผมพิมพ์ลายนิ้วมือลงไป ต้องส่งทางไปรษณีย์อยู่ดี ส่งไปตัวจังหวัดก่อน แล้วทางจังหวัดส่งไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วก็ส่งกลับมาที่จังหวัด จังหวัดส่งมาที่สถานีตำรวจ และส่งไปที่อำเภอที่ร้องขอมาอีกที พี่ตำรวจบอกว่ามันก็เลยช้า ผมก็เลยฝากค่าส่ง EMS พี่ตำรวจไปอีก 1 ร้อยบาทจะได้เร็วขึ้นหน่อย
5.ใบ ป.3 “ใบอนุญาต ให้ซื้ออาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล”
หลังจากผ่านไปไม่ถึงเดือน ก็มีโทรศัพท์มาจากหน้าห้องว่าได้รับใบตรวจประวัติอาชญากรรมแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแต่ให้ผมเข้าไปเซ็นเอกสารทั้งหมดอีกทีก่อนจะส่งให้นายอำเภอเซ็นใบ ป.3 ผมก็ลางานครึ่งวันบ่ายแล้วเข้าไปเซ็นเอกสารทั้งหมดที่อำเภอ ผ่านไปอีกเดือนกว่าๆ หน้าห้องก็โทรมาบอกว่า ใบ ป.3 ของผมนายอำเภอได้เซ็นให้เรียบร้อยแล้ว ให้เข้ามารับได้เลย อีก 2-3 วันผ่านไปผมก็เข้าไปรับใบ ป.3 ที่หน้าห้อง พร้อมจ่ายเงินไป 5 บาท ค่าใบ ป.3
ใบ ป.3 หรือที่เราเรียกว่า “ใบอนุญาต ให้ซื้ออาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล” จะมีอายุ 6 เดือนนับจากวันที่ออก (แต่ส่วนใหญ่คนที่ขอปืนกระบอกแรก ได้ ป.3 แล้วก็แทบจะบินไปร้านปืนแล้วครับไม่ปล่อยให้เกิน 6 เดือนหรอก ยกเว้นพวกรอปืนจองนานๆ อาจเกินได้) และใบ ป.3 แบ่งออกเป็น 3 ตอน ตอน 1 จะเป็นตั้นขั้วอยู่ที่อำเภอ (ปัจจุบัน ใบ ป.3 เป็นแบบพิมพ์ออกมาจากคอมพิวเตอร์ เป็นกระดาษ A4 ธรรมดาๆ มีตราปั๊มและลายเซ็นนายอำเภอ ก็เลยไม่แน่ใจว่าตั้นขั้ว ตอน 1 ปัจจุบันจะมีหรือเปล่า) ตอน 2 เอาไว้ส่งให้ทะเบียนต้นทางที่เราจะซื้อปืน เอาไว้ทำใบคู่มือปืนที่จะส่งกลับมาให้เรา ตอน 3 ก็ส่งไปตัดยอดปืนที่ทะเบียนต้นทางที่เราซื้อปืน ทางอำเภอจะให้ ตอน 2 กับ ตอน 3 เรามาทั้ง 2 ใบ (ตอน 2 จริงๆ เค้าไม่ให้เราถือไปเอง ปกติจะให้ส่งไปรษณีย์ไป แต่สามารถผ่อนผันให้เราถือให้ร้านปืนเองได้ โดยที่หัว ตอน 2 จะมีปั๊มอนุญาตให้ถือไปเองได้ และมีลายเซ็นนายอำเภอกำกับไว้)
หน้าตา ป.3 ทั้ง 2 ตอน เป็นแบบใหม่แล้ว มี QR Code
6.นำใบป.3 ไปซื้ออาวุธปืน ,ใบคุมปืน ,ใบคู่มือปืนและใบป.4
หลังจากผมได้ใบ ป.3 แล้ว ก็โทรไปถามร้านปืนที่จองไว้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว ร้านบอกว่าปืนมาแล้วแต่ส่งไปตีทะเบียนอยู่ อาทิตย์ต่อมาร้านก็โทรมาบอกว่าให้ไปรับปืนได้แล้ว ปกติร้านปืนแถววังบูรพาเปิดวันเสาร์ด้วย ผมก็เลยเข้าไปรับปืนวันเสาร์ เอาใบ ป.3 ทั้ง 2 ใบให้ร้านไปเลย และจ่ายเงินส่วนที่เหลือทั้งหมด ก็ตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะไม่เคยมีปืนเป็นของตัวเอง จับปืนตัวเองครั้งแรกมือสั่นๆ หน่อย ทางร้านจะเอามาให้เลือกหลายกระบอก ดูแล้วไม่ต่างกันก็เลยเลือกกระบอกที่เลขทะเบียนสวยๆ หลังจากนั้นร้านก็จะถ่ายเอกสาร ใบ ป.3 ตอน 3 ทำเป็นเอกสารใบคุมปืนให้เราเอาไว้เผื่อโดนจับตอนเอาปืนกลับบ้าน ทางร้านแจ้งว่าถ้าตัดโอนเสร็จแล้ว จะส่งใบคู่มือปืนไปให้ทางไปรษณีย์อีกทีนึง ประมาณ 1 เดือน ของผมซื้อปืนที่ร้านปืนกรุงเทพแต่ว่าได้เป็นปืนของทะเบียนต่างจังหวัด ก็จะต้องส่งไปตัดโอนที่จังหวัดนั้นอาจจะนานขึ้นไปอีกหน่อยนึง
หลังจากผ่านไปประมาณ 3 เดือน (ปกติประมาณ 1 เดือน ของผมนานเพราะว่าไปซื้อที่จังหวัดใหญ่คงจะงานเยอะ) ทางร้านก็แจ้งว่าใบคู่มือปืนได้แล้ว และก็ส่งไปรษณีย์ EMS มาให้ที่บ้าน พอผมได้รับใบคู่มือปืนแล้วขั้นตอนต่อไปก็ต้องนำปืนที่เราซื้อมาแล้วพร้อมใบคู่มือปืนที่ได้รับมา ไปที่อำเภอเพื่อตรวจปืน และขูดเลขทะเบียนปืนให้เรียบร้อย เพื่อออกใบ ป.4 ให้ ผมโทรแจ้งนัดหน้าห้องนัดวันเข้าไป แล้วก็ไปทำตามขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย ทางหน้าห้องก็แจ้งว่าถ้านายอำเภอเซ็น ใบ ป.4 แล้วจะโทรแจ้งอีกครั้ง
จากนี้ไปก็เสร็จขั้นตอนทุกอย่างแล้ว รอแค่ใบ ป4 ซึ่งทางผมก็ไม่ได้เร่งอะไรมาก พอดีกับหน้าห้องแจ้งว่านายอำเภอต้องไปอบรม 2-3 เดือน ก็เลยไม่ได้โทรไปถามอะไร หลังจากผ่านไป 4 เดือนกว่าๆ ทางหน้าห้องก็บอกว่าให้ไปรับใบ ป.4 ได้แล้ว แต่อันนี้ฝากให้ใครไปเอาก็ได้ ก็เลยให้แม่ไปเอาให้แล้วก็จ่ายค่า ป.4 ไป 500 บาท ได้รับใบเสร็จมา 1 ใบ ก็สรุปเสร็จเรียบร้อยครบทุกขั้นตอนเอกสาร
สรุประยะเวลาที่ผมใช้ในการขอมีอาวุธปืนแบบถูกกฎหมายก็ประมาณ 1 ปี พอดีๆ ก็จะมีทั้งที่เร็วกว่านี้ และช้ากว่านี้ครับ ของผมกลางๆ ใช้เงินไปทั้งหมด 100+5+500 = 605 บาท
ใบ ป.4 ปจจุบัน เป็นกระดาษ A4 ธรรมดาๆ มี QR Code ที่หัว แบบเก่าใช้คนเขียนไม่มีแล้ว
7.การตรวจรับปืนและนำปืนไปทดสอบการใช้งานที่สนามยิงปืน
ตรวจรับปืนที่ร้าน ก็ดูรอยขีดข่วนต่างๆ ไม่ควรมี ถอดดูส่วนประกอบภายใน (ถ้ายังถอดไม่เป็นให้ร้านถอดให้ดูก็ได้) หรืออื่นๆ หา check list การเช็คตามรุ่นของเราที่ได้ซื้อมา ได้ตาม internet ครับ สำหรับของผมก็เช็คทุกอย่างแล้วก็เอากลับมาเล่นอย่างละเอียดที่บ้านอีกทีครับ ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ ต่อไปทดสอบการใช้งานที่สนามยิงปืน
หลังจากที่ได้ปืนที่เราต้องการมาไว้ครอบครองแล้ว ทุกคนก็จะเกิดอาการอยากเอาไปยิงทดสอบแล้วใช้หรือเปล่าครับ แต่ก็กังวลอีกว่า ยังไม่ได้ใบ ป.4 แล้วสามารถนำไปยิงที่สนามยิงปืนได้หรือเปล่า ถ้าเกิดตำรวจตรวจเจอขึ้นมาแล้วจะโดนข้อหาหนักหรือไป จริงๆ แล้วที่เราได้ ป.3 มาแล้วก็คือเราได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนได้แล้วครับ ไปศึกษาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5139/2545 ได้ครับ
“การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ต้องไปยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืนก่อนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนได้ จะออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน (แบบ ป.3) ให้ ผู้ขอจึงนำใบ ป.3 ไปซื้ออาวุธปืน แล้วจึงนำไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ต่อไปตามขั้นตอนดังกล่าวถือได้ว่านายทะเบียนอาวุธปืนได้อนุญาตให้ผู้ขอมีและใช้อาวุธปืนแล้วตั้งแต่ออกใบ ป.3 ส่วนการไปซื้อ จนกระทั่งออกใบ ป.4 เป็นขั้นตอนเพื่อควบคุมอาวุธปืนให้รู้ว่าแต่ละกระบอกอยู่ในครอบครองของผู้ใด ไม่ได้หมายความว่าผู้ขอเพิ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน”
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5139/2545
8.กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน
ควรจะศึกษาให้เข้าใจก็จะมีประโยชน์ต่อตัวเราเองครับ โดยเฉพาะ มาตรา 8 ทวิ
>พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490
>ขอใบ ป.12 เพื่อพกปืน ดูขั้นตอนโดยละเอียด (ที่สุด) ด้วยตัวเอง สำหรับใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน
>รวมคำพิพากษาศาลฎีกา(คดีตัวอย่าง) หมวด อาวุธปืน พกปืน เก็บปืน ฝากปืน
>กฎหมายการพกปืนและสิ่งเทียมอาวุธปืน ตามพระราชบญั ญัติอาวุธปืนฯ พ.…
9.การดูแลรักษาปืนและอุปกรณ์เสริมแต่งต่างๆ
อาวุธปืนก็ต้องมีการดูแลรักษา เพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นครับ หลังจากไปยิงมาแล้วก็ควรทำความสะอาด ส่วนจะใช้อะไรนั้นก็สามารถค้นหาข้อมูลได้เลยครับเพราะค่อนข้างหลากหลาย ส่วนวิธีการล้างทำความสะอาด ก็หาดูได้ใน youtube จะมีคนมา review ไว้ทุกรุ่นครับ
บทความดังกล่าวถูกรวบรวมจากเว็บไซต์ PANTIP.COM โดย ผู้ใช้ นอนกอดCom ทางเรามีเจตนา ดัดแปลงและเผยแพร่ เรียบเรียงใหม่ เพื่อให้สามารถศึกษาได้โดยง่าย ทั้งเพื่อให้ความรู้ทั้งในทางกฎหมายและภาคปฎิบัติจริงแก่ผู้แสวงหาความรู้ภายในเว็บโซต์ NATTAPATFIRM.COM เนื่องจากผู้เขียนบรรยายเนื้อหาได้ครบถ้วนและเข้าใจง่ายเป็นอย่างมาก มิได้มีเจตนาเพื่อแสวงหาผลกำไรใดๆทั้งสิน